chicha

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แนะนำกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรใน Breaking Dawn - Part 2

the twilight saga breaking dawn part 2
-----------------แวมไพร์เดนาลี-----------------

แวมไพร์เดนาลี ถือเป็นกลุ่มที่กินเลือดสัตว์เป็นอาหาร (ตาสีเหลืองทอง) และเป็นพันธมิตรสำคัญที่ครอบครัวคัลเลนเชื่อใจที่สุด มีถิ่นอาศัยและอาณาเขตในอลาสก้า ครอบครัวเดนาลีเคยมีประวัติในการสร้างเด็กอมตะเช่นกัน จนทำให้ ซาช่า หัวหน้าคนก่อนถูกสังหาร ทำให้ครอบครัวเดนาลีเคารพในกฎของแวมไพร์อย่างมาก

สมาชิกกลุ่มแวมไพร์เดนาลี

the twilight saga breaking dawn part 2
ทันย่า

"เราอยู่ข้าง คาร์ไลล์ และเราจะต่อสู้เพื่อเขา"
ทันย่า หัวหน้าของตระกูลเดนาลี ผู้หลงรัก เอ็ดเวิร์ด มานานนับทศวรรษ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สมหวัง เธอเป็นคนที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และใจกว้าง ถึงแม้ในอดีตเธอฆ่ามนุษย์ที่มีความสัมพันธ์ด้วยมากมาย จนถูกเรียกว่า "ซัคคิวบัส" เพราะเธอมีใจให้มนุษย์เหล่านั้นอย่างจริงใจ แต่มิอาจต้านทานความกระหายเอาไว้ได้ ทำให้ทุกครั้งความรักของเธอต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะเลิกดื่มเลือดมนุษย์





the twilight saga breaking dawn part 2
เคท

"ฉันขอจัดการกับ เจน เอง ยัยนั่นต้องเจอความเจ็บปวดแบบเดียวกันบ้าง!"
เคท แวมไพร์สาวเลือดร้อน ความสามารถของเธอมีประโยชน์ในการต่อสู้ นั่นคือการ "สร้างกระแสไฟฟ้า" โดยสามารถใช้มันห่อหุ้มร่างกายเพื่อป้องกันตัว และปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่ศัตรูเพื่อโจมตี โดยอดีต เคท เคยเป็นองครักษ์ของเผ่าสลาฟ เธอถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ระหว่างอารักขากองคาราวาน ด้วยความกล้าหาญและเก่งกล้าทำให้ ซาช่า รับเธอเข้ามาในครอบครัว และเธอก็จงรักภักดีนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในช่วงเหตุการณ์โวลตูรี่โจมตีบ้านคัลเลน เคท ได้พบรักกับแวมไพร์พเนจรที่ชื่อ "แกเร็ธ"




the twilight saga breaking dawn part 2
อิริน่า

"ฉันต้องมารายงานเรื่องนี้ พวกคัลเลนกำลังทำเรื่องชั่วร้าย"
อดีตสาวชาวไร่ชาวสลาฟ ด้วยรูปลักษณ์งดงามไม่ต่างจาก ทันย่า และ เคท ทำให้ ซาช่า ต้องการเธอให้มาเป็นลูกสาวคนใหม่ของครอบครัว อิริน่า พบรักกับ โลรองต์ แวมไพร์เร่ร่อนที่อยู่ในกลุ่มของ เจมส์-วิคตอเรีย แต่เพราะความกระหายเลือดมนุษย์ทำให้ โลรองต์ ทิ้ง อิริน่า เพื่อตามล่า เบลล่า จนถูกฝูงหมาป่าฆ่าตาย อิริน่า โกรธแค้นครอบครัวคัลเลนที่ไม่อนุญาตให้เธอจัดการกับ เบลล่า จึงกลายเป็นความบาดหมางที่ทำให้เธอทำสิ่งที่ไม่ควรทำ นั่นคือไปบอกเรื่อง เรเนสมี กับกลุ่มโวลตูรี่ สร้างรอยร้าวให้กับครอบครัวอย่างใหญ่หลวง





the twilight saga breaking dawn part 2

อีเลซาร์

"การละเว้นเลือดมนุษย์ทำให้เรามีอารยะ และช่วยเราสร้างสายสัมพันธ์แห่งรักแท้"
อดีตองครักษ์ของราชวงศ์โวลตูรี่ผู้มากความสามารถ เพราะด้วยความสามารถพิเศษที่หายากของเขาอย่างการ "ตรวจจับความสามารถ"ของแวมไพรตนอื่น ซึ่งช่วยให้โวลตูรี่ได้เปรียบในการต่อสู้กับแวมไพร์กลุ่มอื่นๆ แต่เมื่อ อีเลซาร์ พบรักกับ คาร์เมน แวมไพร์สาวที่ไม่มีความสามารถพิเศษ ทำให้เธอไม่ได้รับเลือกให้อยู่กับโวลตูรี่ อีเลซาร์ จึงตัดสินใจแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อเธอ ถึงแม้ อาโร จะไม่พอใจที่เสียเขาไป แต่เขาก็ไม่ต้องการทำลาย อีเลซาร์ เพราะความสามารถอันล้ำค่าเช่นนี้



the twilight saga breaking dawn part 2
คาร์เมน

"ขอฉันอุ้มเธอได้ไหม แม่หนูน้อย"
แวมไพร์สาวผู้อ่อนโยน เธอคือเหตุผลที่ อีเลซาร์ ทิ้งทุกอย่างจากราชวงศ์โวลตูรี่ เพราะรักแท้ที่พวกเขามีให้แก่กันและกันเข้มแข็งกว่าความจงรักภักดีจอมปลอมที่ อาโร สร้างขึ้นมา ทั้งสองพบกับครอบครัวเดนาลีโดยบังเอิญ และพบว่าการไม่กินเลือดมนุษย์ทำให้พวกเขาพบความสุขที่แท้จริง






-----------------แวมไพร์อียิปต์-----------------

แวมไพร์อียิปต์ คือ กลุ่มแวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ในอดีตพวกเขามีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กลุ่มแวมไพร์โรมาเนียน แต่ก็ไม่ได้สะสมกองทัพแวมไพร์เป็นองครักษ์เหมือนราชวงค์แวมไพร์คู่แข่ง ในยุคที่โวลตูรี่เริ่มยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทำลายพวกโรมาเนียนเป็นผลสำเร็จ มีเพียงแค่ อามุน และ เคบิ เท่านั้นที่หนีออกมาและรอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้

สมาชิกกลุ่มแวมไพร์อียิปต์

the twilight saga breaking dawn part 2อามุน

"ข้ามอบชีวิตให้เจ้า แต่เจ้ากลับใช้มันอย่างไร้ค่า!"
ถึงแม้กลุ่มอียิปต์ล่มสลายเหลือเพียงเขาและภรรยา เคบิ แต่ อามุน ก็ยังมีความใฝ่ฝันที่จะสร้างกองกำลังของตัวเอง เพื่อต่อกรกับโวลตูรี่เข้าสักวัน แต่ทุกครั้งเขาก็มักโดน อาโร แย่งชิงผู้มีความสามารถพิเศษไปเสมอ จนกระทั่งเขาได้พบกับผู้มีพลังพิเศษอย่าง เบนจามิน ทำให้ อามุน วางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะใช้แวมไพร์หนุ่มผู้เก่งกาจกับเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในวันหน้า







the twilight saga breaking dawn part 2
เบนจามิน

"เห็นได้ชัดว่าผมเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมแค่ไหน ...ดังนั้นผมต้องชนะเพื่ออิสรภาพของตัวเอง"
เขาเป็นเด็กสลัมในกรุงไคโร ด้วยพรสวรรค์พิเศษในการเล่นกับไฟ เบนจามิน จึงเล่นกลไฟเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ในไม่ช้า อามุน ที่กำลังเสาะหาคนที่ควรค่าแก่การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแวมไพร์อียิปต์เลือดใหม่ ก็มาพบโดยบังเอิญ เขาลักพาตัว เบนจามิน เปลี่ยนให้กลายเป็นแวมไพร์ และก็เลี้ยงดูเขาอย่างลูก
เบนจามิน เป็นแวมไพร์ที่มีความสามารถพิเศษอันทรงพลังที่สุด นั่นก็คือการ "ควบคุมธาตุทั้งสี่" นั่นก็คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้เคลื่อนไหวตามที่เขาต้องการ โดยหลังจากที่กลุ่มแวมไพร์อียิปต์ได้รับคำขอจากครอบครัวคัลเลน ให้เข้ามาช่วยต่อสู้กับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ อามุน กลับตอบปฏิเสธเพราะไม่เห็นทางชนะ แต่ เบนจามิน ก็ไม่ฟังคำสั่งของหัวหน้า และตัดสินใจเดินทางมาช่วยเหลือครอบครัวคัลเลน

the twilight saga breaking dawn part 2
เทีย

"เราเชื่อว่าโวลตูลี่จะเหลิงในอำนาจ และเราไม่ปรารถนาที่จะอยู่ใต้อำนาจของพวกเขาอีกต่อไป"
เด็กสาวในสลัมกรุงไคโร เธอพบกับเด็กที่มีชะตากรรมไม่ต่างกันนั่นคือ เบนจามิน เธอกับเขาและเด็กคนอื่นๆ ต้องหาเงินให้แก๊งค์โจรและพวกต้มตุ๋น ทั้งสองสนิทสนมกันจนก่อให้เกิดเป็นความรัก แต่แล้ววันหนึ่ง เบนจามิน ก็หายสาบสูญไป เทีย เสียใจและใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่ง 5 ปีต่อมาก็เธอพบเด็กหนุ่มที่คิดว่าตายไปแล้ว เทีย ไม่รีรอที่จะติดตามเขาไปทุกหนแห่ง ถึงแม้ว่าจะทำให้เธอต้องละทิ้งชีวิตมนุษย์ไปตลอดกาล






the twilight saga breaking dawn part 2 
เคบิ

อามุน เลือก เคบิ มาจากกลุ่มทาสที่เขาปกครอง เพราะความงามและจงรักภักดีที่นางมีต่อเขา เคบิ ถูกปลูกฝังว่าตนเองนั้นเป็นทาส ทำให้เธอเทิดทูนบูชาและเคารพเชื่อฟัง อามุน มากกว่าแค่ความรักระหว่างหนุ่มสาว นอกเหนือจาก อามุน แล้วเธอก็ไม่มอบไมตรีให้กับผู้ใด แม้แต่กับ เบนจามิน ที่เธอยอมรับเขาเป็นส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นความต้องการของ อามุน เท่านั้น







-----------------แวมไพร์อะเมซอน-----------------

แวมไพร์สาวแห่งอะเมซอน อาศัยอยู่ในป่าแถบอเมริกาใต้ ทั้งหมดเป็นสมาชิกเผ่าแพนทานัลในบราซิล พวกเธอไม่เคยติดต่อกับพวกมนุษย์นอกจากการล่า ด้วยความที่ไม่คบหาสมาคมกับใคร ทำให้แวมไพร์กลุ่มอื่นๆรู้ถึงตัวตนของพวกเธอน้อย ซึ่งก็รวมถึง โวลตูรี่ ด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงยุค 1940 ครอบครัวคัลเลนก็ได้พบกับกลุ่มแวมไพร์อเมซอนโดยบังเอิญ ซึ่งพวกเธอก็รู้สึกถูกชะตากับนิสัยถ้อยทีถ้อยอาศัยของ คาร์ไลล์ จนทำให้พวกเขากลายเป็นพันธมิตรกัน

สมาชิกกลุ่มแวมไพร์อะเมซอน
the twilight saga breaking dawn part 2

ซาฟริน่า

"ใครจะมาแตะต้อง แม่หนูคนนี้ไม่ได้!"
แวมไพร์สาวผู้มีความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์สุดๆ นั่นคือการ "สร้างภาพลวงตา" อันทรงพลัง กับเป้าหมายทุกคนที่อยู่ในระยะสายตาของเธอ โดยเธอถือเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้อง เรเนสมี จากเงื้อมมือของกลุ่มโวลตูรี่
 
เซนน่า

"เราจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณ"
สมาชิกกลุ่มแวมไพร์อะเมซอนอีกคน ที่มาเดินทางมาช่วยเหลือครอบครัวคัลเลน เซนน่า เป็นแวมไพร์ที่เงียบขรึม และถูกพบเห็นอยู่เคียงข้างกับ ซาฟริน่า ตลอดเวลา เหมือนกับว่าพวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

คาจิริ
เธอเป็นหัวหน้าของแวมไพร์อะเมซอน ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้เปลี่ยนเธอ แต่หลังจากที่เธอเป็นแวมไพร์ คาจิริ ก็กลับมาเปลี่ยน ซาฟริน่า และ เซนน่า ให้เป็นแวมไพร์ คาจิริ ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับสมาชิกอีกสองคนในการต่อสู้กับโวลตูรี่

-----------------แวมไพร์โรมาเนียน-----------------


แวมไพร์โรมาเนียน มีถิ่นฐานอยู่ในแคว้นดาเซีย ซึ่งปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของประเทศโรมาเนีย ตั้งแต่พันปีก่อนคริสตกาลพวกโรมาเนียถือเป็นกลุ่มแวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยสมาชิกก่อตั้งมีทั้งสิ้น 12 ตน (ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 2 ตน) กลุ่มโรมาเนียนสร้างกองทัพแวมไพร์เอาไว้เป็นองครักษ์เหมือนพวกโวลตูรี่ พวกเขาปกครองมนุษย์ที่เป็นทาสเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่เพราะพวกเขาเป็นแวมไพร์ที่ไม่มีความสามารถพิเศษ ทำให้ตอนที่กลุ่มโวลตูรี่เข้าโจมตี พวกเขาก็ถูกทำลายสิ้นซากอย่างง่ายดาย

สมาชิกกลุ่มแวมไพร์โรมาเนียน

the twilight saga breaking dawn part 2สเตฟาน

"หากมีโอกาสที่พวกมันพ่ายแพ้ เราก็ขออยู่ดูความหายนะนั้นด้วยตนเอง"
หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้งกลุ่มโรมาเนียน ที่รอดชีวิตจากการทำลายล้างของกลุ่มโวลตูรี่ คู่รักของ สเตฟาน ตายไปตั้งแต่การโจมตีระลอกที่สามของโวลตูรี่พร้อมกับทุกตนในกลุ่ม ถึงแม้ สเตฟาน และ วลาดิเมียร์ จะพยายามรวบรวมกองกำลังแวมไพร์ เพื่อต่อสู้กับโวลตูรี่มาตลอดหลายศตวรรษ แต่ก็ไม่อาจทำลายโวลตูรี่ได้เลยสักครั้ง และก็ยังสูญเสียไพร่พลเป็นจำนวนมากอีกด้วย





the twilight saga breaking dawn part 2
วลาดิเมียร์

"เรานั่งอยู่บนบัลลังก์และมองตัวเองเหมือนพระเจ้า เราไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครมาท้าทายอำนาจ"
หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้งกลุ่มโรมาเนียน ที่รอดชีวิตจากการทำลายล้างของโวลตูรี่ ภายหลังการต่อสู้อันยาวนานนับร้อยปี และสูญเสียทุกคนไปในการรบครั้งสุดท้าย เหลือแค่ สเตฟาน ผู้เป็นญาติและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว พวกเขาทั้งสองตัดใจเลิกสร้างกองทัพเพื่อต่อกรกับโวลตูรี่ แต่พวกเขาก็ยังรอโอกาสที่โวลตูรี่จะต้องอ่อนแอลงสักวัน






-----------------แวมไพร์ไอริช-----------------


กลุ่มแวมไพร์ไอริช 3 ตนผู้มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไอร์แลนด์ ถึงแม้ ชิวอน จะเป็นหัวหน้ากลุ่ม แต่เธอและคู่รักก็มักเชื่อในการตัดสินใจของ แม็กกี้ สมาชิกที่เด็กที่สุดของกลุ่ม เพราะเธอคือแวมไพร์ผู้มีความสามารถในการจับโกหก

สมาชิกกลุ่มแวมไพร์ไอริช

the twilight saga breaking dawn part 2ชิวอน

"งั้นฉันควรจินตนาการผลลัพธ์อย่างที่ใจฉันต้องการใช่ไหม?"
หัวหน้ากลุ่มแวมไพร์ไอริช ในอดีตนางคือลูกสาวของช่างตีเหล็ก แต่แล้วเมื่อฟาร์มของเธอถูกแวมไพร์เร่ร่อน แซนซ่า โจมตีและเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์ ชิวอน จึงออกตามล่าและฆ่าเขาจนสำเร็จ หลังจากนั้นเธอก็เร่ร่อนก่อนที่จะพบกับแวมไพร์เลือดใหม่อย่าง เลียม เธอสอนวิธีล่าและเสนอให้เขาร่วมกลุ่ม โดยระหว่างเดินทางเธอก็ได้ศึกษาเรื่องของโวลตูรี่ และพบกับ แม็กกี้ เด็กสาวผู้พลังจิต ชิวอน จึงเปลี่ยนเด็กคนนี้เป็นแวมไพร์ และรับเข้ามาเป็นส่งหนึ่งของกลุ่มแวมไพร์ไอริช





the twilight saga breaking dawn part 2
เลียม

"ไม่มีใครหัวรุนแรงเท่ากับพวกไอริชอีกแล้ว"
อดีตนักรบชาวไอริชจากการก่อกบฎในปี 1641 เลียม เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์อย่างไม่ตั้งใจ และต้องอยู่อย่างเร่ร่อนโดดเดียว จนกระทั่งเขาได้พบกับ ชิวอน ทั้งสองตกหลุมรักกันและ ชิวอน ก็ได้สอนกฎของแวมไพร์ โดยเหยื่อที่ เลียมเลือกล่าคือชาวอังกฤษที่เขาเกลียดชังเท่านั้น เมื่อ ชิวอน ต้องการสมาชิกแวมไพร์ที่มีพลังพิเศษ แม้ว่าเสี่ยงต่อการเป็นปฏิปักษ์กับโวลตูรี่ เลียม ก็ต้องตามใจ ชิวอน แม้จะไม่ชอบใจนักก็ตาม






the twilight saga breaking dawn part 2
แม็กกี้

"ฉันรู้ว่า คาร์ไลล์ พูดความจริง และฉันเพิกเฉยต่อสิ่งนั้นไม่ได้"
แม็กกี้ เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการ "จับโกหกเป้าหมาย"ความสามารถนี้ทำให้คนรอบกายกลัวเธอ เมื่อเธอถูกครอบครัวทอดทิ้งหลังภัยแล้งครั้งใหญ่ในปี 1840 ชิวอน และ เลียม ก็มาพบเธอที่ใกล้ตายเพราะความอดอยาก ชิวอน จึงเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นแวมไพร์ ถึงแม้ เลียม จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แม็กกี้ พบว่าเธอมีความสุขมากขึ้นเมื่ออยู่ร่วมกลุ่มกับพวกเขา เพราะทั้งสองมีแต่ความจริงใจให้แก่กันและกัน ซึ่งเธอรู้สึกได้จากความสามารถพิเศษของตัวเอง






-----------------แวมไพร์เร่ร่อน-----------------

the twilight saga breaking dawn part 2แกเร็ธ

"เพื่ออิสรภาพจากการถูกกดขี่!"
แกเร็ธ แวมไพร์เร่ร่อนที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์ ในช่วงสงครามกลางเมืองในศตวรรษที่ 17 ด้วยความที่เป็นนายทหารเลือดร้อนและชอบต่อสู้เพื่อความถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นเพื่อนเก่าแก่ของ เอ็ดเวิร์ด เขาตัดสินใจเข้ามาช่วยครอบครัวคัลเลนในการต่อสู้กับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ โดยภายหลังจากสงครามแวมไพร์ใน Breaking Dawn - Part 2 เขาก็ได้เข้าร่วมกลุ่มแวมไพร์เดนาลี หลังจากที่ตกหลุมรักกับ เคท







the twilight saga breaking dawn part 2
อลิสแตร์

อลิสแตร์ คือ แวมไพร์เร่ร่อนที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ เขาเป็นเพื่อนเก่าของ คาร์ไลล์ เขามีความสามารถพิเศษในการ "แกะรอยการเคลื่อนไหวจากระยะไกล" โดยความสามารถของเขาเป็นรองก็เพียงแค่ ดิมิทรี่ แห่งกลุ่มโวลตูรี่เท่านั้น ด้วยความเป็นคนที่เงียบครึมและมองโลกในแง่ร้าย ทำให้เขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกครอบครัวคัลเลนขอให้ช่วยในการส่งสัญญาณว่า พวกโวลตูรี่จะเดินทางมาถึงเมืองฟอร์คสตอนไหน


the twilight saga breaking dawn part 2

เรื่องย่อและตัวอย่างหนังtwilight breaking dawn part 2




เรื่องย่อ


เบลล่าทรมานอย่างมากในการกลายร่างเป็นแวมไพร์ ในที่สุด เธอก็กลายเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์ พร้อมกับสัญชาตญาณใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งการเคลื่อนไหว การคิดคำนวณที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ความกระหาย และ ความแข็งแกร่ง ที่เหนือกว่าแวมไพร์ทุกตน ตอนนี้เธอกลายเป็นแวมไพร์เกิดใหม่แล้ว !

เบลล่าพบว่าเธอสามารถควบคุมความกระหายได้อย่างดี   เธอสามารถควบคุมตนเองได้  แต่ ก็ยังไม่มีใครให้เธอพบ เรเนสเม และเธอยังไม่รุ้เรื่องระหว่างเจคอบ และเรเนสเม เพราะยังไม่มีใครแน่ใจในความสามารถในการควบคุมตนเองของเบลล่านั่นเอง

เบล ล่าเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับการเป็นแวมไพร์ การออกล่าเหยื่อที่ไม่ใช่มนุษย์ และพบว่าตนเองมีรูปร่างหน้าตาต่างออกไปจากเดิม กลายเป็นสาวสวย สง่า เหมือนพวกคัลเลน ดวงตาสีแดงก่ำแบบแวมไพร์เกิดใหม่
การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สง่างาม พละกำลังอันมหาศาลของเธอ

แต่แล้วเบลล่าก็เริ่มสังเกตถึงอะไรบางอย่าง ที่ทุกคนรวมทั้งเอ็ดเวิร์ดปกปิดไว้ รวมทั้ง เรเนสเม ลุกสาวที่แสนงดงามของเธอ เบลล่ายังรู้สึกว่าเธอเหมือนความฝัน

วันหนึ่ง ขณะที่เบลล่าออกล่าเหยื่อพร้อมกับเอ็ดเวิร์ด เธอได้กลิ่นหอมหวานยวนใจของเลือดมนุษย์ เบลล่ากระโจนเข้าใส่ทันทีตามสัญชาตญาณ แต่แล้วเธอก็กลับหยุดตัวเองได้ แล้วหันกลับไปยังจุดเดิม
 นั่นทำให้ทุกตนรวมทั้งเอ็ดเวิร์ดประหลาดใจมาก เพราะแวมไพร์เกิดใหม่มักจะควบคุมตนเองไม่ได้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดยั้งตัวเอง (โดยเฉพาะเรื่องของความกระหายเลือดมนุษย์)

เอ็ดเวิร์ดคิดว่านี่คือพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเบลล่า เอ็ดเวิร์ดเริ่มแน่ใจในเรื่องการควบคุมตัวเองของเบลล่า เหมือนกับพวกคัลเลนตนอื่นๆ เขาจึงตัดสินใจให้เธอพบเรเนสเม

เบล ล่าดีใจมาก เรเนสเมช่างเป็นสิ่งพิเศษสุด เธอมีความสามารถพิเศษ สามารถสื่อสารกับคนที่สัมผัสเธอโดยไม่ต้องพูด เธอสามารถทำให้เห็นสิ่งที่เธอต้องการบอกได้ด้วยภาพ เหมือนความฝันที่แจ่มชัดราวกับความเป็นจริง
พร้อม กันนั้น เบลล่าก็ได้รับรู้เรื่องราวของเจคอบกับเรเนสเม นั่นทำให้เธอสติแตกจนเกือบลงมือกับเจคอบ เซธ มนุษย์หมาป่ารุ่นเยาว์ เพื่อนซี้ของเอ็ดเวิร์ด เข้ามารับเคราะห์แทน มันทำให้เขาแขนหัก(แต่มนุษย์หมาป่าก็บาดเจ็บไม่นาน แค่ครึ่งชั่วโมงที่เขาใส่เฝือก โดยความช่วยเหลือของหมอคาร์ไลล์)

เบลล่ายังเคืองๆ เจคอบอยู่ ที่ไม่สามารถแยกจากเรเนสเมได้ ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกผิดที่ทำร้ายเซธ โดยไม่ได้ตั้งใจ

เร เนสเมโตเร็วมาก ต้องวัดส่วนสูง เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน จนเบลล่าเริ่มกังวลถึงอัตราการเติบโตของลูก แต่เอ็ดเวิร์ดปลอบว่า อีกไม่นานเธอจะหยุดโต นอกจากนั้น เรเนสเมสามารถนอนหลับได้เหมือนมนุษย์ เธอพูดได้ด้วย (แต่ชอบสื่อสารด้วยการสัมผัสและแสดงภาพมากกว่า)

เบล ล่าเริ่มคิดถึงครอบครัวของเธอ ชาร์ลี อีกครั้ง แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถสะกดกลั้นสัญชาตญาณ ความกระหาย เมื่ออยู่ใกล้เขาได้หรือไม่ เธอเริ่มกังวล ว่าครอบครัวคัลเลน รวมทั้งตัวเธอเองอาจต้องย้ายที่ไปไกลจากฟอร์คส์ เพื่อความปลอดภัยของชาร์ลี และความแนบเนียน (แน่นอนว่าเจคอบต้องติดตามไปด้วย) เบลล่าเริ่มสับสนวุ่นวายใจในข้อนี้

แล้วอลิ ซก็เข้ามาเซอร์ไพรส์เบลล่า วันเกิดปีที่ 19 ของเธอ (และ 19 ตลอดไป) เบลล่าแอบงอนหน่อยๆ เพราะไม่อยากแก่กว่าเอ็ดเวิร์ด สามีอายุ 17 ปีตลอดกาลของเธอ   ของขวัญจากอลิซ (จริงๆ ก็จากทุกคนในบ้านคัลเลน) เป็นกุญแจเงินดอกใหญ่ ส่วนของเอ็ดเวิร์ด (คงเดาได้ว่าเป็นรถ) คือเฟอรารีสีแดง  ของขวัญจากครอบครัวคัลเลนก็คือบ้าน (ทุกคนเรียกกระท่อม) สำหรับครอบครัวเล็กๆ อันมี เอ็ดเวิร์ด เบลล่า และเรเนสเม (แน่นอนว่ามีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เป็นเกือบครึ่งของบ้าน - จาก อลิซ ด้วย)

เบลล่าและเอ็ดเวิร์ดใช้เวลาด้วยกันอย่างแสนสุข หลังจากคืน honeymoon แรกที่เกาะเอสเม คราวนี้เอ็ดเวิร์ดไม่ต้องระมัดระวังหรือออมแรงแล้ว เพราะเบลล่าแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก

เบลล่าหัวเสียเล็กน้อยเมื่อดูเสื้อผ้าในตู้ แต่เอ็ดเวิร์ดก็ช่วยหาชุดที่เธอต้องการจนได้ ทั้งสองมีความสุขมาก จนกระทั่งมาที่บ้านคัลเลน พบเจคอบ และรับรู้เรื่องที่เขาทำลงไป

เจคอบ (ผู้ซึ่งไม่อยากให้บ้านคัลเลนย้ายไปที่อื่น และทำให้เขาต้องจากเรเนสเม) ไปบอกอะไรบางอย่างกับชาร์ลี และแปลงร่างให้เขาดู  ชาร์ลีช็อกไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็จะมาพบพวกคัลเลน พร้อมทั้งเบลล่า ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า  เรื่องนี้ทำให้ทุกคนคลั่ง โดยเฉพาะเบลล่า และเอ็ดเวิร์ด (เขากลัวเบลล่าจะต้องทรมานในการสะกดกลั้นความกระหายเมื่ออยู่ใกล้ชาร์ลี)

ทุก คนต้องเตรียมตัวหาคำตอบให้ชาร์ลี ส่วนใหญ่คือเรื่อง เรเนสเม (เธอมาจากไหน โตขึ้นได้อย่างไรในเวลาแค่เดือนเศษๆ แต่เหมือนเด็ก 1-2 ขวบ) และเบลล่า ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะตาแดงก่ำของเธอ (อลิซตัดสินใจให้เธอใส่คอนแทคเลนส์) ทุกคนในบ้านคัลเลนช่วยกันสอนวิธีแสร้งทำเป็นมนุษย์ เช่น ไม่เคลื่อนไหวเร็วเกินไป นั่งบ้าง (แม้ว่าแวมไพร์สามารถยืนได้ตลอดไปก็ตาม)

ในที่สุดชาร์ลีก็มา แน่นอนเขาตระหนกกับความเปลี่ยนแปลงของเบลล่า (เธอทนกอดเขาได้ โดยสะกดกลั้นความกระหายได้ดีเยี่ยม)   เอ็ดเวิร์ดบอกกับเขาว่า เรเนสเม เป็นหลานที่เขารับมาเลี้ยง แต่เมื่อชาร์ลีเห็นเธอ เขาก็ดูไม่เชื่อเอ็ดเวิร์ดนัก เพราะเธอเหมือนทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล่าเสียเหลือเกิน  ทุกอย่างที่ชาร์ลีเคลือบแคลงสงสัยก็ดูไม่สำคัญอีกต่อไป เมื่อเขาได้สัมผัสเรเนสเม เขาหลงรักเธอทันใด (เหมือนกับทุกๆ คน) และ นั่น เขาจึงยอมทำตามเจคอบแนะนำคือ รู้เท่าที่รู้ก็พอ (เขารู้ว่าเจคอบแปลงเป็นหมาป่าได้ นั่นทำให้เขารู้ว่ามีอะไรอีกมากมายในโลกนี้ นอกจากมนุษย์)

บรรยากาศแห่งความสงบกลับมาอีกครั้ง
เบลล่าท้างัดข้อกับเอ็มเมตต์ แลกกับการที่เขาไม่ล้อเธอเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงระหว่างเธอและเอ็ดเวิร์ด  ผลคือเบลล่าชนะขาดลอย นั่นทำให้เอ็มเมตต์หัวเสีย เขาขอแก้มืออีกเดือนข้างหน้า (เบลล่าให้รอสักเดือน เผื่อเธอจะแข็งแกร่งน้อยกว่านี้)

เรเนสเมโตขึ้นทุกวัน เธอชอบอ่านหนังสือที่มีคำกลอน ไม่ชอบอ่านนิทานภาพแบบเด็กอื่น และไม่ชอบให้เบลล่าอ่านเรื่องซ้ำๆ กัน

วัน หนึ่ง บ้านคัลเลนได้รับจดหมายจาก อาโร - หัวหน้าแวมไพร์โวลตูรี พร้อมของขวัญเป็นสร้อยเพชร เขาขอพบเบลล่า นั่นแปลว่าเธอต้องเดินทางไปพบเขา - คนเดียว (การพาเอ็ดเวิร์ดไปด้วยอันตรายเกินไป อาโรจะเห็นเรเนสเม)   เอ็ดเวิร์ดทั้งกลัวและกังวล พวกคัลเลนเริ่มวางแผนเดินทาง เบลล่าตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินไปอิตาลี (คนเดียว) ในวันที่เรเนสเมอายุครบสามเดือนพอดี

วัน หนึ่ง ขณะที่เรเนสเม เจคอบ และเบลล่า ออกล่าด้วยกัน (พวกเขาพยายามฝึกเรเนสเมให้ลองเลือดสัตว์บ้าง เพราะเลือดมนุษย์ที่ได้จากการบริจาคมีไม่มากนัก และเรเนสเมเกลียดอาหารแบบมนุษย์) เบลล่าพบแวมไพร์ตนหนึ่งกำลังเฝ้ามองพวกเธอ  นั่นคือ เอริน่า - คู่ของโลรองต์ (ที่ถูกฆ่าตาย)  เอริน่าเมื่อรู้ว่าเบลล่ารุ้ตัว เธอคำรามแล้วหนีไป   นี่ทำให้เบลล่ากังวลใจอย่างมาก เธอบอกเอ็ดเวิร์ดและคาร์ไลล์ พวกเขาตามเอริน่าไปทันที

เบลล่าพาเรเนสเมกลับบ้าน โดยเจคอบคอยคุ้มครองอยู่ตลอด   ไม่มีใครรู้จุดประสงค์ของเอริน่าในขณะนี้ แม้แต่อลิซ

จนกระทั่งวันหนึ่ง อลิซมองเห้นผ่านนิมิตของเธอ มันช่างน่ากลัว ราวกับว่าเธออยู่ในความมืดดำของหลุมฝังศพพวกโวลตูรีกำลังมุ่งหน้ามาทางฟอร์คส์ ! พวกเขาทั้งหมด    มันชัดเสียจนไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ นี่คือความจริงที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

สิ่งที่อลิซเห็นคือ เอริน่าพบ เรเนสเม และเธอรู้ว่าเรเนสเมไม่ใช่มนุษย์ (เอริน่าคิดว่าเธอคือ เด็กอมตะ - ผู้ซึ่งจะต้องถูกฆ่า หากพวกโวลตูรีรู้ความจริงข้อนี้ เพราะเด็กอมตะเป็นตัวอันตราย พวกเขาควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองไม่ได้ และมันจะทำให้พวกแวมไพร์ถูกเปิดโปง)

พวก โวลตูรีคงมาเพื่อกำจัดเรเนสเม นอกจากนั้นก็เป็นข้ออ้างที่จะทำลายพวกคัลเลน (กลุ่มแวมไพร์อาวุโสที่สุดรองจากโวลตูรี ซึ่งอาจสั่นคลอนบัลลังก์ของโวลตูรีได้หากต้องการ)  รวมทั้งเอ็ดเวิร์ด และ อลิซ ผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ที่ทรงพลังยิ่ง (เอ็ดเวิร์ด - ผู้อ่านใจอลิซ - ผู้มีนิมิต มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า)
ทุกคนอยู่ในความตึงเครียด เพราะไม่มีทางที่จะชนะหากต่อสู้กับโวลตูรี และยิ่งรู้ว่าไม่มีทางหนี
เจ คอบรู้เรื่องนี้แล้ว แน่นอนพวกหมาป่าก็รู้ด้วย พวกเขาเตรียมพร้อมจะสู้ แต่นั่นไม่มีประโยชน์ เบลล่ารู้ดี มีแต่พวกเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งเท่านั้น  ทุกคนถูกพิพากษาแล้ว - พวกเราทุกคนจะถูกฆ่าตาย เบลล่าคิดอย่างสิ้นหวัง
 อลิซอ้างว่าเธอจะมองเห็นนิมิตได้ดีหากอยู่ห่างจากเนสซี่ (เรเนสเม) เธอและแจสเปอร์ออกไปข้างนอกในคืนนั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่บ้านคัลเลน เอ็ดเวิร์ดพบว่ามันผิดปกติ อลิซควรจะกลับมาได้แล้ว หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ พวกคัลเลนตัดสินใจออกตามหาอลิซ และแจสเปอร์ พวกเขาพบ แซม พอลและจาเร็ดในป่า  แซมบอกว่าอลิซมาขอข้ามแดนเพื่ออกไปยังมหาสมุทร และฝากโน้ตไว้ที่เขาเพื่อให้เบลล่า     มันคือกระดาษที่ฉีกออกมาจากหนังสือเวนิสวาณิชของเบลล่านั่นเอง

เธอให้พวกเขาตามหาแวมไพร์ตนอื่นๆ ที่จะมาเป็นพยานได้ว่าเรเนสเมไม่ใช่เด็กอมตะและพวกอลิซจะช่วยตามหาอีกแรง ไม่มีเวลาแล้ว  ทำไมอลิซต้องฉีกกระดาษของเบลล่าเพื่อทิ้งโน้ต ทำไมเธอต้องลำบากขนาดนั้น ในเมื่อเธอสลักลงบนหินก้อนใดในป่าก็ได้  มันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่ และอลิซต้องการบอกเบลล่าคนเดียว

เบลล่าพบว่ามันคือ คำว่า เจ.เจงคส์ เมื่อเธอค้น (โดยไม่ให้เอ็ดเวิร์ดรู้) ก็พบแต่ ชื่อและที่อยู่ของทนายคนหนึ่ง (ที่ใกล้เคียงกับคำใบ้ของอลิซที่สุด) เบลล่าเก็บมันไว้ เธอรู้สึกหนักอึ้งและสิ้นหวังไปหมด เช่นเดียวกับพวกคัลเลน
 แต่พวกเขาก็ยืนยันที่จะทำตามอลิซแนะนำ พวกเขาแยกย้ายกันออกตามหาเหล่าแวมไพร์ที่รู้จัก

คา ร์ไลล์ - เอสเมโรซาลี - เอ็มเม็ตต์ ออกหาแวมไพร์เพื่อให้กลับมารวมตัวกันที่บ้านคัลเลน เพื่อหวังว่าพวกเขาจะเป็นพยานต่อโวลตูรีได้ว่าเรเนสเมไม่ใช่เด็กอมตะ   เบลล่า เอ็ดเวิร์ด และเรเนสเม อยู่รอต้อนรับที่บ้านคัลเลน
 แน่นอน ในความคุ้มกันของพวกฝูงหมาป่า รวมทั้งแซม พอล จาเร็ตต์และเอ็มบรีด้วย พวกเขารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว

กลุ่มแวมไพร์แรกที่มาถึงคือ กลุ่มเดนาลี (ธัญญา เคท อิลิซาร์ - คาร์เมน) (หมายเหตุ ที่มี - คั่นชื่อใคร แปลว่าเป็นคู่กันค่ะ) อิลิซาร์ เคยอยู่กับพวกโวลตูรี เขามีพลังพิเศษ สามารถล่วงรู้ได้ว่าแวมไพร์ตนใดมีอำนาจพิเศษอะไรบ้าง   พวกเดนาลีตกใจมากเมื่อพบเรเนสเม เช่นเดียวกับเอริน่า พวกเขาคิดว่าเธอคือเด็กอมตะ แต่เมื่อสัมผัสเรเนสเม เธอทำให้พวกเขาหลงรักเธอแทบจะทันที โดยเฉพาะคาร์เมน

อิลิซาร์ได้พบความสามารถของเบลล่า เธอคือเกราะกำบังที่แสนวิเศษ เบลล่าสามารถป้องกันอะไรก็ตามที่จะทำอันตรายเธอ หรือแม้แต่ใครที่จะอ่านใจเธอก็ตาม (นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเอ็ดเวิร์ดอ่านใจเบลล่าไม่ได้) เธออาจแผ่เกราะป้องกันคนอื่นได้ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝน พวกเดนาลีตกลงใจที่จะอยู่ช่วยเป็นพยานให้เรเนสเม (พวกเขาก็ไม่คิดว่าโวลตูรีจะหยุดฟัง แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะอยู่)  เคทมีพลังในการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา ใครที่ถูกตัวเธอจะต้องโดนไฟฟ้าช็อต ยกเว้นเบลล่า

อลิซและแจสเปอร์ส่งเพื่อนมาอีกสองตน นั่นคือ ปีเตอร์  ชาร์ล็อต  พวกเขาได้พบเรเนสเมและให้เธอ " แสดง " คำอธิบาย จากนั้นก็คล้ายๆ กับพวกเดนาลี ทั้งสองตนยอมอยู่ช่วยบ้านคัลเลน

เอ็ดเวิร์ดทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เขายอมให้เพื่อนแวมไพร์ออกล่านอกเขตที่พวกหมาป่ารักษาอยู่ และยอมให้พวกเขายืมใช้รถสปอร์ตทุกคัน  เจคอบนั้นไม่พอใจนักที่มีการล่ามนุษย์ แม้จะนอกเขตของเขาก็ตาม แต่เมื่อเรเนสเมมีภัยซึ่งใกล้จะมาถึงตัวเร็วๆ นี้ เขาก็ยอมปิดปากสนิท

ต่อมา คาร์ไลล์ได้ส่งเพื่อนมาอีกสองกลุ่ม กลุ่มที่มาถึงก่อนเป็นแวมไพร์จากไอร์แลนด์ (ชิวอน - เลียมแม็กกี้) ตามด้วยพวกแวมไพร์จากอียิปต์ (อามุน - เคบิเบนจามิน - เทีย)   ชิวอน นั้นเป็นแวมไพร์สาวรูปร่างสูงใหญ่ เคลื่อนที่ได้พลิ้วไหวสง่างาม และดูสงบนิ่ง แต่น่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ส่วนคู่ของเธอ - เลียม เป็นแวมไพร์หนุ่ม หน้าตาราบเรียบปราศจากการแสดงความรู้สึกใด   ส่วนแม็กกี้ เป็นแวมไพร์สาวร่างเล็ก ผมสีแดง เธอมีความสามารถพิเศษ สามารถล่วงรู้ได้ทันทีว่าใครพูดจริงหรือว่าโกหก    ดังนั้น เมื่อแม็กกี้ประกาศว่าเอ็ดเวิร์ดพูดความจริงเกี่ยวกับเรเนสเม ทั้งชิวอนและเลียมต่างก็เชื่ออย่างหมดใจ โดยยังไม่ทันแตะต้องเรเนสเมเลยด้วยซ้ำ
 หากแต่ปฏิกิริยาสำหรับพวกอียิปต์ต่อเรเนสเมนั้นต่างออกไป   เทีย คู่ของเบนจามิน เมื่อแตะต้องเรเนสเม เธอก็หลงรักเรเนสเมเหมือนกับตนอื่นๆ เบนจามิน ผู้ซึ่งอารมณ์ดีเสมอก็เช่นเดียวกัน เขาเป็นคนรู้จักแยกแยะผิดชอบอยู่มากทีเดียว ซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็นิยมเบนจามินมากในข้อนี้   แต่อามุนนั้นไม่สนใจจะรับฟัง หรือแตะต้องเรเนสเม เขามีท่าทีค่อนข้างมึนตึง ที่มาเพราะต้องการมากับเบนจามินเท่านั้น เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเผชิญหน้าพวกโวลตูรี (เคบิ คู่ของเขาไม่ต้องพูดถึง เธอปฏิบัติตามอามุนราวกับทาสผู้ซื่อสัตย์ เธอเห็นตามเขาทุกอย่าง)   แต่อามุนนั้นไม่อาจคัดค้านเบนจามินได้ ด้วยเขาต้องการเบนจามินให้อยู่รวมกลุ่มด้วยกัน (เบนจามิน มีความสามารถพิเศษในการเล่นแร่แปรธาตุทั้งสี่ แต่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันคืออะไรมากนัก อาจเพราะเวลาในการฝึกฝนยังน้อย - อามุนเป็นผู้สร้างเบนจามินขึ้นมา)    ดังนั้นพวกอียิปต์จึงอยู่รอเช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ

บรรยากาศ ในบ้านคัลเลนตอนนี้ชวนอึดอัดพิลึก (ส่วนใหญ่เพราะกลุ่มอียิปต์ ที่ความเห็นขัดแย้งกันเกือบจะตลอดเวลา) เบลล่าหวังว่าคาร์ไลล์จะกลับมาเร็วๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ

เอ็มเมตต์และโรสส่งพวกนักเดินทางพเนจร (แวมไพร์) มาให้   ตน แรกที่มาถึงคือการ์เร็ต เขาเป็นแวมไพร์ผมยาว ดวงตาสีทับทิม เขาดูเป็นนักเดินทางจริงๆ เมื่อมาถึงบ้านคัลเลน เขาผูกมิตรกับสองสาวเดนาลี (ธัญญา และเคท) อย่างรวดเร็ว  ตามมาด้วยแมรี่ และแรนดัล ซึ่งเป็นเพื่อนกัน  พวกเขาทั้งสามยอมอยู่เป็นพยานให้เราด้วยความเต็มใจ

คาร์ไลล์และเอสเมตามมาในอีกไม่นาน  บรรยากาศในบ้านเริ่มผ่อนคลายเมื่อคาร์ไลล์ - เอสเมกลับมา
อีกไม่กี่วันโรส - เอ็มเมตต์ก็มาสมทบ ทุกตนรู้สึกดีขึ้น

คาร์ไลล์ พาเพื่อนมาด้วยตนหนึ่ง (จริงๆ คำว่าเพื่อนก็ไม่ค่อยตรงนัก) เขาคือ อลิสแตร์ แวมไพร์จากอังกฤษผู้รังเกียจสังคม เขาชอบอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานับศตวรรษ   อลิสแตร์มีความหวาดระแวงในผู้มีอำนาจทุกชนิด แน่นอนหมายถึงโวลตูรีด้วย   จริงๆ แล้ว อลิสแตร์เป็นนักแกะรอย แม้จะไม่เก่งเท่าดมิทรี (หนึ่งในองครักษ์โวลตูรี) เขารู้เสมอว่าควรจะไปทางไหน (ก็ทางตรงข้ามกับดมิทรียังไง) เขาตำหนิการเผชิญหน้ากับโวลตูรี และไม่ยอมแตะต้องเรเนสเมเหมือนอามุน  แต่อลิสแตร์ก็ยังอยู่ที่บ้านคัลเลน

และแล้วก็มีการมาเยือนของมิตรแวมไพร์อีกคู่หนึ่ง เป็นการมาเยือนอย่างนึกไม่ถึง (เพราะคาร์ไลล์ - เอสเม ต่างก็หาพวกเขาไม่พบ) พวก อเมซอนนั่นเอง ซาฟรีนา - เซนนา (อันที่จริง มี คาชิรี อีกตนหนึ่ง แต่อลิซ ผู้ซึ่งพบพวกเขา ขอให้พวกเขาแยกกัน เธอต้องการให้คาชิรีไปที่อื่น)  พวก เขาแลดูป่าเถื่อน ดวงตาแดงฉาน ลอกแลก การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแบบแปลกๆ ผมยาว เสื้อกั๊กหนัง กางเกงรัดรูป (เบลล่าคิดว่าพวกเขาแลดูไร้อารยธรรม) แม้ ว่าพวกอเมซอนจะดูดิบเถื่อน แต่ซาฟรีนากลับนิ่งสงบ ฟังเอ็ดเวิร์ดอย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อเขาสัมผัส เรเนสเม ก็เช่นเดียวกับแวมไพร์ตนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เรเนสเมมีเสน่ห์เกินห้ามใจ   เซน นาคู่ของเธอก็มีปฏิกิริยาเหมือนซาฟรีนา (เธอไม่ได้ปริปากว่ากระไร เพียงแต่ตามคู่ของเธอ เหมือนกับเซนนาและซาฟรีนาเป็นอวัยวะในร่างคนคนเดียวกัน แต่ซาฟรีนาเป็น ปาก เท่านั้น ต่างกับอามุน - เคบิ ที่ดูเหมือนนายกับบ่าว) การได้ยินข่าวของอลิซจากพวกอเมซอน ทำให้เบลล่าสบายใจขึ้นอย่างประหลาด  ซาฟรีน่ามีความสามารถในการสร้างภาพลวงตาได้ นั่นเป็นที่ชื่นชอบของเรเนสเมมาก
ขณะ เดียวกัน เอ็ดเวิร์ดเริ่มฝึกการต่อสู้ให้เบลล่า แต่ไม่นานนัก เขาก็ขอให้แวมไพร์ตนอื่นๆ สอนแทน ซึ่งส่วนใหญ่ยินดีจะสอน (เอ็ดเวิร์ดคงไม่อยากจะสู้กับเธอ หรือแม้แต่แสร้งทำก็เถอะ)

ที่ สำคัญ ซาฟรีนา สอนการใช้เกราะกำบังของเธอ โดยมีเอ็ดเวิร์ดเป็นเหยื่อล่อ ต่อมา เคท ร่วมด้วย โดยใช้กระแสไฟฟ้าของเธอ แต่ที่ดูจะทำให้เกราะของเบลล่าทรงพลังขึ้นก็เมื่อเคทใช้มันกับเรเนสเม  เกราะของเบลล่าแผ่กว้างขึ้นอย่างมากมาย

จากนั้น มีแขกผู้ไม่ได้นัดหมายตามมาอีกสองตน   นั่น คือพวกโรมาเนียน (วลาดิเมียร์ และสเตฟาน) ผู้โกรธแค้นโวลตูรีจากการถูกชิงอำนาจมานับสหัสวรรษ พวกเขาคิดว่าพวกคัลเลนเตรียมตัวโค่นล้มโวลตูรี จึงคิดมาร่วมด้วย
 คาร์ไลล์ อธิบายว่าเป็นเพราะพวกเขาต้องการปกป้องเรเนสเมต่างหาก และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่เบลล่านำเรเนสเมออกมา มาเพื่อพบพวกโรมาเนียน และ แสดง ความจริงให้พวกเขาดู

ชาร์ลีโทร.หาเบลล่า เขาอยากมาพบพวกเธอ แต่เบลล่าปฏิเสธ เธอจะพาเรเนสเม และเจคอบไปบ้านชาร์ลี เพื่อเลี่ยงพวกแวมไพร์ทั้งหมด  และแล้ เบลล่าก็ได้เวลาเหมาะในการปลีกตัวจากเอ็ดเวิร์ดเพื่อไปตามหาปริศนาที่อลิซทิ้งไว้  เจคอบเริ่มรู้สึกว่าเบลล่ามีจุดประสงค์อื่น นอกจากการไปหาชาร์ลีในครั้งนี้ เธออ้างว่าให้เอ็ดเวิร์ดอยู่ดูแลพวกแวมไพร์ตนอื่นๆ ที่บ้านคัลเลน

ชาร์ลีดีใจมากที่เรเนสเมมาหา เขารู้สึกว่าเธอโตขึ้นเร็วมากในเวลาไม่กี่วัน (อาจจะเกือบครึ่งฟุต)  เบลล่าแสร้งทำเป็นลืมซื้อของขวัญคริสต์มาส เธอขอปลีกตัวไปจากบ้านชาร์ลี ทิ้งเรเนสเมและเจคอบไว้ที่นั่น      เธออกตามหาเจ.เจงคส์ และพบว่าที่อยู่ที่มีนั้นเป็นแหล่งเสื่อมโทรมแห่งหนึ่ง

คนที่เธอตามหาตกใจมาก เมื่อรู้ว่าเธอคือพวกคัลเลน  เขาละล่ำละลักบอกที่อยู่ของเจ.เจงคส์ ทันที และเบลล่าก็รีบตามไปโดยไม่ลังเลเลย  และเธอก็ระลึกได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของอลิซ    พวกคัลเลน - พวกเธอทั้งหมดต้องตาย  และเธอต้องเหลือทางรอดให้ เรเนสเม

เจ เป็นทนาย ออฟฟิศของเขาอยู่ในย่านกลางเมือง  (อลิซให้เบลล่าไปติดต่อที่แหล่งเสื่อมโทรม เพราะเธอต้องการให้เบลล่ารู้ว่า เจ มีฉากหลังเป็นธุรกิจผิดกฏหมาย - การปลอมแปลงเอกสารส่วนตัว)

ในที่สุดเบลล่าก็เข้าใจ เธอต้องให้เรเนสเมหนีไป พร้อมกับคนที่จะรอดจากการตามล่าของโวลตูรี คนที่พวกแวมไพร์ไม่สามารถแกะรอยได้ - เจคอบ

เธอ กลั้นก้อนสะอื้นในลำคอ ขณะที่หยิบรูปถ่ายของ เรเนสเม ในอ้อมกอดของเจคอบ ซึ่งเธอพกในกระเป๋าเงินเสมอ ยื่นให้เจ เพื่อทำเอกสาร เช่น บัตรประจำตัว พาสปอร์ต ในนามของเจคอบ และวาเนสซ่า วูล์ฟ   เธอนัดเจมารับเอกสารภายใน อาทิตย์ - เธอเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสินะ

เบลล่ากลับมารับเรเนสเมที่บ้านของชาร์ลี พวกเขากลับบ้านคัลเลน  เอ็ดเวิร์ดอาจรู้สึกได้ว่าเบลล่าปิดบังบางอย่างกับเขา

เธอมอบล็อกเก็ตโบราณ ภายในมีคำว่า มากกว่าชีวิต ให้เรเนสเมสวมไว้   เบลล่าแอบเข้าไปในห้องอลิซ เธอหยิบเป้ใบเล็กสีดำ (ซึ่งเข้ากับขนาดเรเนสเมได้ เธอคงสะพายหลังโดยไม่หนัก) เพื่อเตรียมใส่เงินและเอกสารที่จำเป็นไว้ให้ เงินนั้นเป็นจำนวนมากพอที่จะอยู่ได้เป็นปี)การหยิบของในห้องอลิซไป คงไม่เป็นที่สังเกตของพวกคัลเลนที่เหลือ

เบลล่าพยายามมองโลกในแง่ดี อย่างน้อย เจคอบและเรเนสเมก็รอด นั่นถือเป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง  แม้พวกเธอต้องตาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นจุดจบของโลกนี่นะ

เบลล่า เอ็ดเวิร์ด เรเนสเม และเจคอบ (รวมทั้งฝูงหมาป่า) ไปบ้านชาร์ลีเพื่อจัดงานคริสต์มาสปาร์ตี้เล็กๆ  เบลล่าคิดว่านี่คงเป็นการร่ำลาชาร์ลีครั้งสุดท้าย  มันช่างยากเหลือเกิน เธอยังไม่ได้พบเรเน่ แต่อาจจะดีกว่าที่กันเธออกจากเรื่องพวกนี้ได้  เรเน่คงรับมือไม่ได้อย่างชาร์ลี

เบลล่าเขียนจดหมายไว้ให้เจคอบ หวังว่าเธอคงจะมีเวลาให้เขาทันก่อนพวกเขาจะหนี  เมื่อพวกเบลล่ากลับถึงบ้านคัลเลน พวกเขาก็พบว่า อลิสแตร์ จากไปแล้ว (อลิสแตร์ คิดว่าต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่ๆ)  นั่นทำให้ อามุน ขัดแย้งกับ เบนจามินอีกครั้ง เพราะอามุนไม่ต้องการสู้กับโวลตูรี แต่แน่นอน เบนจามิน ไม่ยอมให้ใครมาบังคับเขาได้   อามุนจึงจำใจอยู่ อีกครั้ง แต่เขาประกาศว่า หากมีการเพลี่ยงพล้ำ เขาจะไปอยู่ฝ่ายโวลตูรีแทน

ฝูงหมาป่าตกลงใจแน่วแน่ว่าจะสู้ (แวมไพร์ทุกตนเห็นว่างี่เง่ามาก และไม่มีประโยชน์)

เบลล่าหาโอกาสออกไปพบเจ เพื่อรับเอกสารที่ทำไว้   เธอกลับมาพร้อมกับเตรียมเอกสาร เงินสด ใส่ในกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ของอลิซ หวังว่าเรเนสเมจะนำติดตัวไปได้โดยไม่ลำบากนัก  นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เธอมอบให้ลูกและเพื่อนรักได้  เบลล่าค้อมตัว สะกดกลั้นความอยากร้องไห้ไว้อย่างแสนยากเย็น

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เธอสวมล็อกเก็ตให้ลูก ในนั้นมีรูปพ่อแม่ลูก และสลักคำว่า มากกว่าชีวิตของฉัน ไว้  ในกระเป๋าเป้ มีเครื่องเล่น mp3 เล็กๆ บรรจุเพลงของเอ็ดเวิร์ดไว้มากมาย รวมทั้งที่ข้อนิ้วของเรเนสเมสวมแหวนถักของเจคอบไว้

1-2 วันนี้ คาร์ไลล์และเอ็ดเวิร์ดออกลาดตระเวณดูที่ลานกว้าง ที่ซึ่งวิคตอเรียและแวมไพร์เกิดใหม่ถูกฆ่า

และแล้ววันนั้นก็มาถึง

เบล ล่านั่งเฝ้าเรเนสเมในเต็นท์ ใกล้บริเวณลานกว้างนั้น เมื่อลูกตื่น เบลล่าบรรจงสวมชุดให้ลูก - นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย เธอสวมชุดสวย แต่ก็ทนทานมากพอสำหรับการเดินทางไกล เบลล่า สะพายเป้ให้ลูก สวมทับด้วยแจ็คเกต  

รูปร่างเรเนสเมตอนนี้เกือบเท่าเด็ก ขวบ เธอคงพอแบกมันไหวขณะขี่หลังเจคอบหนี  เรเนสเมอ่านทุกอย่างออกทันทีเมื่อสัมผัสเบลล่า และดวงตาที่ทุกข์ระทมของเธอ เรเนสเมเฝ้าถามด้วยแววตาที่ไร้เดียงสาว่า  ทำไม
 เบลล่าบอกลูกว่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปในใจลูก แต่อย่าเพิ่งบอกเจคอบ จนกว่าแม่จะบอกให้หนีนะ   เบลล่าสวมสร้อยที่อาโรให้เป็นของขวัญ บางที มันอาจช่วยเธอได้

สวยจังค่ะแม่ เรเนสเมพึมพำ เบลล่ากอดลูกไว้แน่น เอ็ดเวิร์ดกอดเธอทั้งสอง เรเนสเมปีนไปอยู่หลังเบลล่า เพื่อให้เธอมือว่าง

พวกคัลเลน รวมทั้งแวมไพร์ทุกตนพร้อมแล้ว  พวกเขายืนเรียงรายกันในลานกว้างนั้น  และแล้ว พวกเขาก็มา มันเป็นการเคลื่อนที่อย่างช้าๆ น่าเกรงขาม

พวกโวลตูรี


พวกโวลตูรี นำโดย ไกอัส และ อาโร องครักษ์ และเหล่าภรรยา มากันทั้งหมด  และมีแวมไพร์ที่ตามมาเป็นพยานด้วย   พวกเขาพบเบลล่า ซึ่งกลายเป็นแวมไพร์แล้ว และพบ เรเนสเม  ในที่สุด อาโร ต้องยอมรับว่าเธอไม่ใช่เด็กอมตะ แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกโวลตูรีหยุดและกลับไป  จริงๆ แล้วพวกเขามาเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ ที่มากกว่านั้น
 คือกวาดล้างพวกคัลเลน แวมไพร์กลุ่มใหญ่ที่สุดรองจากพวกเขา  และเหลือ เอ็ดเวิร์ด รวมทั้ง อลิซ เพื่อไปเป็นพวกเดียวกับโวลตูรี   อาโร แอบผิดหวังที่ไม่มีอลิซอยู่ในที่นี้ด้วย  

 เมื่อเขาหาเรื่อง เรเนสเม ไม่ได้ เขาก็ใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับ พวกมนุษย์หมาป่า เพราะพวกแวมไพร์ ไม่ควรผูกมิตรด้วย
 แต่ อาโร ก็ถูกคัดค้าน เพราะจริงๆ แล้ว พวกเจคอบคือ มนุษย์แปลง ต่างหาก  พวกเขาไม่ใช่ บุตรแห่งพระจันทร์ ซึ่งเป็นศัตรูกับแวมไพร์   แต่ที่เป็นหมาป่า เพราะตามบรรพบุรุษ   อันที่จริง พวกเขาจะแปลงเป็น นกอินทรี ก็ได้ หรืออะไรที่อยากจะเป็น    เรื่องนี้ตกไป

เอริน่า เสียใจที่เธอกล่าวหา เรเนสเม ผิด และทำให้พวกเดนาลีของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอสารภาพกับเหล่าพยานของโวลตูรี และไล่พวกเขากลับไป  นั่นทำให้เอริน่าถูกไกอัสฆ่า  มันเป็นแผนของอาโร ที่ให้ไกอัสฆ่าเอริน่า
เพื่อให้พวกเดนาลีโกรธแค้น และเปิดฉากต่อสู้ก่อน  โวลตูรีจะได้กวาดล้างพวกคัลเลนได้ โดยไร้มลทิน   แต่เอ็ดเวิร์ดหยุด ธัญญา ได้   ส่วนเคท ไม่มีใครจับเธอไว้ได้ เพราะกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงจากตัวเธอ   เบลล่านั่นเองที่ช่วยรั้งเคทไว้ได้ เธอใช้เกราะของเธอกั้นระหว่างเคทและการ์เร็ต ทำให้การ์เร็ตหยุดเคทไว้ทัน 

ทำให้อาโรผิดหวัง แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกโวลตูรีหยุดแผนการร้าย  พวกโวลตูรีแสร้งทำประชุมกัน แต่ก็ให้ เจน จัดการพวกคัลเลน โดยไม่ให้รู้ตัว (เจนสามารถส่งพลังจิตแผดเผาใครก็ได้ให้ทรมานจนกว่าจะตาย)

เริ่มที่คาร์ไลล์   เอ็ดเวิร์ด ผู้อ่านใจได้ รู้ทันทีว่าเจนจัดการคาร์ไลล์ เขาละล่ำละลักถามคาร์ไลล์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
 คาร์ไลล์ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย  เบลล่านั่นเอง เกราะกำบังแสนวิเศษของเธอ  เธอปกป้องพวกเธอได้ทุกตน
เจนโกรธแค้นแสนสาหัสที่เบลล่ามาขวางเธอไว้ได้ (ซึ่งไม่เคยมีใครในโลกนี้ทำได้)  เชลซี สมุนโวลตูรีอีกคน พยายามจัดการต่อ ตามด้วยอเล็ก ฝาแฝดของเจน  ไม่มีใครใช้พลังผ่านเกราะของเบลล่าได้เลย  (เชล ซี สามารถทำให้สายสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงได้ ทำให้คนในครอบครัวแตกแยกกัน เพื่อเข้ากับโวลตูรีอเล็ก ทำให้พวกเขาหมดความรู้สึก ตาบอด หูหนวก ไม่รับรู้อะไร)
ในที่สุด โวลตูรีต้องยอมกลับไป เพราะไม่สามารถหาข้ออ้างใดๆ มาทำลายล้างพวกคัลเลนได้อีก เมื่อ อลิซ ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับ นาฮูเอล ชายหนุ่มครึ่งแวมไพร์อีกตนหนึ่ง  เขามาเพื่อยืนยันว่า เมื่อเติบโตขึ้น เรเนสเม จะไม่เป็นตัวอันตราย เธอจะหยุดโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่จะมีชีวิตยืนยาวกว่ามนุษย์ปกติ (นาฮูเอลอายุ 150 ปีแล้ว)   โวลตูรีจำต้องกลับไป 
และบรรยากาศแห่งความสงบเริ่มกลับคืนสู่ฟอร์คส์ ทุกๆ คนได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง   การ์เร็ต ตัดสินใจว่า เขาจะติดตาม เคท ไปทุกหนแห่ง

เบลล่า เอ็ดเวิร์ด และเรเนสเม ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตลอดไป ตลอดไป และตลอดไป   ตราบชั่วนิรันดร์เล็กๆ ของพวกเขา

จบบริบูรณ์